ข้อมูลล่าสุดบัตร atm เพื่อการสมัครในปี 2566 / 2023
ก่อนจะทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับบัตร atm ในปีนี้ ก่อนอื่นท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะอยากทราบว่า atm ย่อมาจากอะไร คำตอบก็คือบัตร atm ย่อมาจาก automatic teller machine card หรือถ้าแปลเป็นไทยก็คือบัตรกดเงินสดอัตโนมัตินั้นเอง ซึ่งบัตรเอทีเอ็มเกิดขึ้นมาเพราะทางธนาคารหลายๆ แห่งเล็งเห็นว่าประชาชนควรสามารถเข้าถึงการถอนเงินสดได้ด้วยตัวเองแทนการเสียเวลามาที่สาขาของผู้ให้บริการ ซึ่งจะส่งผลให้คิวที่รอเข้าใช้บริการยาวเกินกว่าเหตุ บัตร atm จึงตอบสนองต่อความต้องการที่ง่ายและรวดเร็วของประชาชนที่คาดหวังจากทางธนาคารอีกด้วย โดยการทำบัตร atm ในปัจจุบันนั้นในผู้ให้บริการหลายๆ แห่งของประเทศไทยดูเหมือนจะลดน้อยลงไป ด้วยเพราะการมีบัตร atm ที่สามารถกดเงินสดได้อย่างเดียวโดยไม่ได้ผลประโยชน์หรือสิทธิพิเศษอื่นๆ ในการสมัครเปิดบัตรเริ่มไม่เป็นที่นิยมนัก และธนาคารก็มองว่าบัตร atm อาจไม่ได้สร้างผลกำไรให้แก่ทางผู้ให้บริการมากเท่าที่ทางผู้ให้บริการได้คาดหวังเอาไว้ตั้งแต่ในอดีต แม้ว่าในยุคสมัยหนึ่งบัตร atm คือตัวแทนของความสะดวกสบายเป็นอย่างมากก็ตาม ด้วยเหตุนี้เมื่อประชาชนไปขอทำบัตรใหม่ จะด้วยเหตุผลที่ว่าบัตรหายหรือบัตร atm หมดอายุก็แล้วแต่ ก็อาจจะไม่ได้ทำบัตรแบบที่ตั้งใจไว้แต่ได้ทำบัตรเดบิตแทนซึ่งให้ประโยชน์ในการใช้ที่หลากหลายกว่าบัตร atm โดยทั่วไปพอสมควร โดยที่ค่าเปิดบัตรครั้งแรกก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ส่วนใหญ่ทางผู้ให้บริการจะเก็บค่าทำบัตร debit card ในอัตราเท่ากันหรือใกล้เคียงกับการที่ท่านเดินทางมาทำบัตร atm ใหม่ นั้นคืออยู่ที่ประมาณ 100 บาท ซึ่งอาจจะด้วยทางกฎหมายได้กำหนดค่าทำบัตรลักษณะนี้จะต้องอยู่ในอัตราดังกล่าวด้วย ซึ่งอ่านถึงตรงนี้ก็อาจจะสรุปได้ว่าบัตรเดบิตคือบัตร atm ที่พัฒนาแล้วนั้นเอง
ข้อสงสัยเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมบัตร atm และค่าอื่นๆ ของบัตร atm เมื่อเทียบกับบัตรเดบิต
ในอดีตค่าธรรมเนียมบัตร atm ในลักษณะรายปีหรือรายเดือนจะไม่มีการเก็บจากทางธนาคารแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นในกรณีของบัตรเดบิตที่มาแทนที่บัตร atm ในปัจจุบัน การเรียกเก็บค่าบริการรายปีจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัตรเดบิตแต่ละแบบได้กำหนดเอาไว้ นั้นก็คือหากท่านได้ตัดสินใจเลือกแบบที่มีประกันชีวิต ทำการคุ้มครองตัวท่านจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ก็จะมีค่าธรรมเนียมมากเกินกว่า 300 – 400 บาทต่อปี แต่ถ้าเป็นบัตรเดบิตที่ใช้เสมือนบัตร atm คือกดเงินสดอย่างเดียว จะด้วยเพราะว่าท่านทำประกันชีวิตมาแล้วหรือไม่อยากทำก็ตาม ก็จะมีค่าธรรมเนียมมากกว่า 100 บาทต่อปีขึ้นไป แต่แน่นอนว่าการเก็บค่าบริการดังกล่าวไม่ได้แปลว่าบัตรเดบิตจะให้บริการแบบบัตร atm เพราะท่านผู้อ่านสามารถใช้บัตรเดบิตรูดซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ที่ร่วมรายการได้ แต่เงื่อนไขหลักก็คือจะต้องมีเงินอยู่ในบัญชีของท่านมากพอที่จะให้ทำเช่นนั้นได้ เพราะบัตรที่แทนบัตร atm อย่างบัตรเดบิตไม่ใช่บัตรเครดิตที่จะออกเงินให้ท่านไปก่อนแล้วมาเก็บเงินที่ท่านในภายหลังตามขั้นตอนพร้อมดอกเบี้ย แต่เป็นการนำเงินจากบัญชีเงินฝากของท่านมาใช้แบบให้สะดวกรวดเร็วขึ้น ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นความสะดวกรวดเร็วที่ดีขึ้นซึ่งต่างจากบัตร atm ที่กดเงินได้เพียงอย่างเดียว ดังนั้นแม้หลายคนอาจจะบ่นเพราะชอบใช้บัตร atm มากกว่าแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เช่นกันว่าบัตรเดบิตเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว พนักงานของทางผู้ให้บริการจึงมีหน้าที่ในการอธิบายแก่ลูกค้าที่อยากทำบัตร atm ว่าทำไมถึงต้องทำบัตรเดบิตแทนและบัตรเดบิตนั้นจัดว่าดีกว่าบัตร atm ในด้านใดบ้าง ซึ่งสำหรับผู้สูงอายุบางท่านแม้อาจจะต้องหงุดหงิดไปบ้างเมื่อไม่ได้ทำบัตร atm แต่สุดท้ายก็จะทำความเข้าใจได้และปรับตัวได้ในที่สุด บางคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อาจจะสงสัยว่าแล้วค่าธรรมเนียมบัตร atm รายปีจะต้องทำการเสียอย่างไร โดยทางธนาคารจะเป็นผู้หักเงินในส่วนดังกล่าวออกไปจากบัญชีของท่านโดยอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อเห็นยอดที่หักออกไปท่านก็จะทราบว่าเป็นค่าธรรมเนียมที่จะต้องจ่ายนั้นเอง แต่ทางผู้ให้บริการอาจจะไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบเสียก่อนเฉกเช่นเดียวกับค่าต่างๆ จากบัตร atm เวลาโดนผู้ให้บริการหักออกไป ท่านผู้อ่านไม่ควรจะต้องตกใจหากเห็นเงินหายแล้วคิดไปว่าบัตรเดบิตซึ่งไม่ใช่บัตร atm นั้นผิดปกติ
ขั้นตอนการแจ้งความเมื่อบัตร atm หรือบัตรเดบิตของท่านหาย
ไม่ว่าจะเป็นบัตรเดบิตหรือบัตร atm หากท่านทำหายสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อเปิดบัตรใหม่ก็จะไม่ต่างกันมากนัก อย่างแรกก็คือท่านจะต้องนำบัตรประชาชนพร้อมบัญชีธนาคารของท่านไปแจ้งความประสงค์ขอทำบัตรใหม่ที่สาขาใกล้บ้านท่านหรือถ้าจะให้ดีก็เป็นสาขาที่ท่านได้ทำการเปิดบัญชีเอาไว้ แล้วแจ้งกับพนักงานว่าต้องการบัตร atm หรือเดบิตของท่านหาย พนักงานก็จะทำการดำเนินการให้ซึ่งจะใช้เวลาไม่มากนัก ส่วนถ้าบัตร atm หมดอายุก็จะกระทำการในลักษณะเดียวกัน หลายคนสงสัยว่าถ้าบัตร atm หรือบัตรเดบิตสูญหายไปไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความแล้วหรือ คำตอบก็คือไม่ว่าบัตร atm หรือบัตรเดบิตหายก็ไม่ต้องไปแจ้งความอีกต่อไป เพราะเพื่อลดความยุ่งยากจากขั้นตอนของการต้องไปหลายสถานที่ ทางธนาคารจึงให้ท่านสามารถทำบัตร atm หรือเดบิตใหม่ที่สาขาของผู้ให้บริการ
การวางแผนใช้ debit card กดเงินต่างจากบัตร atm อย่างไร?
แน่นอนว่าหากท่านใช้บัตร debit card เพื่อการกดเงินเพียงอย่างเดียว ก็สามารถทำได้โดยง่ายไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด โดยปริมาณการกดก็สามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นต่ำที่ผู้ให้บริการกำหนดเช่นเดียวกับบัตร atm คือ 500 บาทต่อครั้งไปจนถึง 20,000 หรือ 25,000 บาทต่อครั้ง และกดได้ไม่เกิน 2 ครั้งแต่สิ่งที่ทำให้บัตร atm ต่างจากบัตรเดบิตก็คือในกรณีของบัตรเดบิตท่านสามารถเลือกเพิ่มวงเงินสูงสุดที่จะขอถอนออกจากตู้ atm ได้ซึ่งบัตร atm ไม่สามารถกำหนดได้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 บาทไปจนถึงหลักแสนบาท แต่จะต่างจากบัตร atm ตรงที่ท่านจะต้องให้ทางผู้ให้บริการทำการพิจารณาว่าท่านมีสถานะทางการเงินที่เหมาะสมจะทำเช่นนั้นหรือไม่ เมื่อทางผู้ออกบัตรเดบิตแทนบัตร atm ตรวจสอบคุณสมบัติของท่านแล้วค่อยทำการอนุมัติในภายหลัง นอกจากเรื่องการกดเงินที่ต่างจากบัตรเอทีเอ็มแล้ว บัตรเดบิตยังให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่น่าสนใจซึ่งบัตร atm ไม่สามารถมอบแก่ผู้ถือบัตรได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการได้รับส่วนลดพิเศษจากการซื้อสินค้าและบริการ เช่นค่าชมภาพยนตร์ในโรงที่ถูกกว่าการจ่ายโดยปกติ ทำให้เมื่อเทียบกับบัตร atm แล้วก็ถือว่ามีข้อดีและความคุ้มค่าต่อการใช้บัตร debit card มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องระวังคือการไม่ทำบัตร atm หรือบัตรเดบิตหายบ่อยๆ เพราะจะทำให้เสียเวลาในการออกบัตรใหม่ได้ง่ายๆ
การวางแผนใช้งานบัตรเดบิตควรต่างจากบัตร atm อย่างไร
การวางแผนใช้งานบัตรเดบิตนั้นจะต้องต่างจากบัตร atm อยู่พอสมควร เพราะเมื่อเราประสบปัญหาต้องการเงินสด ก็แค่เอาบัตร atm ไปกดเงินตามจำนวนที่ต้องการ แต่พอบัตรเดบิตให้ความสะดวกและความรวดเร็วในการเข้าถึงเงินได้มากกว่าบัตรเดบิต ก็ทำให้การจะจ่ายอะไรออกไปง่ายกว่าบัตร atm ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในการใช้บัตรเดบิต ท่านผู้อ่านจะต้องวางแผนพอสมควรว่า ในแต่ละวันจะต้องใช้เงินทำอะไรบ้างซึ่งตรงนี้ก็คงจะต่างจากบัตร atm โดยทั่วไป ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ควรทราบและในโลกออนไลน์ไม่ได้มีการระบุข้อมูลดังกล่าวนี้ไว้เท่าไหร่นัก ก็คือการใช้บัตรเดบิตควรจะใช้บัตรที่เป็นของตัวเอง เพราะแม้ท่านจะทราบรหัสกดเงินแบบบัตร atm แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้พอสมควร และนี่ก็คือข้อมูลส่วนหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการทำบัตรเดบิตในปี 2566 หรือ 2023 นี้